เ รื่ อ งเงินนี้ไม่เข้าใครออกใคร
ย าย ไม่มีลูก ไม่มีหลาน
อยู่กับน้องสาว อีกคน
รับจ้างจิปาถะ พอได้ ค่าจ้าง
ประทังชีวิตไปวัน
ย ายเคยทำท่าจะແย่ก่อน
เพราะเกิດเ ส้ นเ ลื อ ดหัวใจตีบ
กล้าม เ นื้ อ หั วใ จ ต า ย เ ฉี ย บ พ ลัน
แต่หลังจาก ส่งตัว
ไปทำบอลลูนขย าย เ ส้ น เ ลื อ ด
ใส่ขดลวดไปแล้ว ย ายก็กลับมาแข็งแรงดี
แล้วจู่ น้องสาวที่เป็นเบาหวาน
ก็มาทรุดลงแล้ว เ สี ย ชี ວิ ต ไ ปปุ๊ปปั๊ป
ทุกครั้งที่มาตรวจ
สองพี่น้องก็จะมาด้วยกัน
พอเลยตัวคนเดียว
ย ายก็เหมือนไม่มีเรี่ยวแรง
พูดไปก็ร้องไห้ไป ว่าແย่แล้วอยู่คนเดียว
จะหา จะกินก็ลำบาก
แม้แต่จะมาหาหมอ
ก็กลายเป็นเ รื่ อ งย าก และหนักหนา
เป็นภาะทางการเงินจนเกือบไม่จะมาแล้ว
ครั้งนั้น ผมก็เลยหยิบตังค์ออกมา
แล้วบอกย ายว่า
“อย่าว่าอย่างงั้นอย่างงี้เลยนะย าย เอาไว้เป็นค่ารถมาหาหมอนะ”
สามเดือนผ่านไป
ย ายก็มาตามนัด
เวลาผ่านไปย ายก็ไม่ได้ร้องห่มร้องไห้แล้ว
ผมก็ไม่ได้ถามเซ้าซี้เ รื่ อ งความเป็นอยู่
ตรวจเสร็จสั่ง ย า
แล้วบอกว่าอีกสามเดือนเจอกันนะครับ
ย ายจึงเอ่ยปากออกมาว่า
“หมอ ย ายขอค่ารถหน่อยได้ไหม ?”
บอกไม่ถูกว่าตอนนั้นรู้สึกยังไง
แต่รีบหยิบตังค์ให้ย ายทันที
หลังจากวันนั้น ก็คิดอยู่ตลอดว่า เรารู้สึกยังไง
และจะทำยังไงในการเจอกันครั้งต่อไป
รู้สึกแปลก ที่โดนคนไข้ขอตังค์
ไม่พอใจก็มีเเหมือนกัน
แต่ถูกลบไปด้วยน้ำเสียงของย าย
ไม่ใช่เสียงแบบอ้อนวอน
แต่ก็ไม่ใช่กระด้างแบบขู่เข็ญแน่นอน
บอกไม่ถูกมันคือเสียงแบบกล้า กลัว
แต่ก็แข็งใจพูดออกมา
ผมรู้สึกว่า คนเราถ้าไม่ไร้หนทางจริง
ก็คงไม่กล้าเอ่ยปากขอกันแบ บนี้
ย ายรู้ดีว่า ไม่ใช่ธุระ หรือภาระหน้าที่อะไรของผม
ที่ต้องมารับผิดชอบ หรือช่วยย าย
แต่ย ายก็ยังต้องเอ่ยปาก
(เป็นคนละแบบ กับคนที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน
ที่เจอกันบนทางเท้า แล้วเข้ามาขอกันดื้อ )
ครั้งล่าสุดที่มาเจอกัน
ผมก็คิดวิธีรับมือได้
ย ายเข้ามาตรวจ ยังไม่ทันเขียนย าเสร็จ
ยังไม่ทันบอกว่าจะนัดกันอีกทีเมื่อไหร่
ผมรีบหยิบซองที่เตรียมเงินไว้ให้ย าย
ยื่นให้โดยไม่ต้องรอให้ย ายเอ่ยปาก
ไม่รู้สินะว่า เป็นทางแก้ที่ถูกหรือเปล่า ?
แต่อย่างน้อย
ผมก็ช่วยไม่ให้ย าย
ต้องฝืนใจ ข่ ม ความละอาย
เอ่ยปากในสิ่งที่ย ายไม่อย า กพูด
การมีชีวิตอยู่อย่างโดดเดี่ยว
บนโลกนี้มันโหดร้ า ยนะ
เทียบกันแล้ว
สิ่งที่ผมช่วยไปนั้นเล็กน้อยเหลือเกิน
ขอบคุณแหล่งที่มา เ รื่ อ งเล่าจากโรงพย าบาล